วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตุรกีที่รัก ภาค 3 โชคชะตากำลังนำพาฉันไป อดานา อันทาเกีย

                        ตุรกีที่รัก ภาค 3     24-29  มีค 57  

                                                   Turkey  my love  Part 3 

                                     โชคชะตากำลังนำพาฉันไป  อดานา  อันทาเกีย 

ความสุขเล็กๆ ที่มิอาจลืมเลือน


แบกเป้ตามใจฉันสไตล์ดอกไม้ทะเลทราย   ทริปนี้เป็นการไปตุรกีเป็นครั้งที่  3  จะโดยเหตุใดก็ตาม  
ทำให้ทริปนี้กลายเป็นว่า เราต้องเดินทางไปเที่ยวคนเดียว  สำหรับ  5-6 วันในตุรกี  ซึ่งตอนแรกแพลนไป
บรูซ่า   ปามุคคาเล และ อิสตันบูล   แต่เราเลือกที่จะตัดปามุคคาเลออกไป  ยอมทิ้งค่าโรงแรมเกือบสามพันบาท และค่าตั๋วเครื่องบินภายในประเทศอีก หลายพัน   แล้วเปลี่ยนแผนไปเมืองอดานา Adana  และฮาไตย Hatay  แทน 

เราจองตั๋วแบบไม่ได้จองล่วงหน้า เพราะเป็นทริปไม่ได้เตรียมการใดๆ มาก่อน ทุกอย่างฉุกละหุกนิดนึง  
ทริปนี้เราได้สายการบินอียิปต์แอร์  โดยค่าตั๋วอยู่ที่ 32000++    บินออกกันตอนกลางคืนจากสุวรรณภูมิในตอนประมาณ 5 ทุ่มเที่ยงคืน   เพื่อบินไปถึง กรุงไคโร ประเทศอียิปต์กันในช่วงเช้า  เพื่อเปลี่ยนเครื่องก่อนจะบินต่อไปยัง อิสตันบูล  โดยตามกำหนดจะถึงอิสตันบูลประมาณ ตอนเที่ยง


เที่ยวบินรอบนี้คนไม่เยอะมาก แอบชำเลือง ยังมีเบาะว่างอีกหลายที่  ตั้งใจไว้ว่า  เครื่องขึ้นแล้ว จะไปสอยยาวเลย 3 เบาะ  คนเดียว  หลับบนเครื่องแบบไม่ต้องนั่งเฟิร์สคลาส ก็พอได้นะ  อิอิอิ



หลังเครื่องขึ้นเจ้าหน้าก็เกิดสึกชิงเก้าอี้ดนตรีเล็กๆ  แต่ขอโทษ ดิชั้นไวค่ะ  ถอดเข็มขัดได้ รีบโยนตัวเองไปเบาะแถวหลัง  จนคนไทยที่เล็งก่อนถึงกะเดินมาสะกิด  แล้วบอกว่า    ไวเนอะ   แหะ แหะ 

หลับๆ ตื่นๆ กันไปสักพัก ก็ต้องปรับเป็นเวลาท้องถิ่นของอียิปต์ ซึ่งห่างจากไทยเราประมาณ 5 ชม  
โดยที่เราออกมากันตอนเที่ยงคืน  แล้วเวลาอียิปต์ก้อได้เวลา อาหารค่ำกันพอดี  อิอิอิ
ลองดูหน้าตาอาหารบนเครื่องของอียิปต์แอร์ไลน์กันค่ะ ก็เหมือนๆ อาหารบนเครื่องโดยทั่วๆไป
แต่ทายซิ ว่าเราชอบอะไรมากที่สุด ...........  ติ้กต่อกๆๆๆๆ


อ่ะเฉลย  ชอบเค้กอ่าา   ทำรูปพระจันทร์เสี้ยวมาแบบเก๋ๆ  อิอิอิ  แต่ก็ไม่รู้สินะ  เรียบ



หมดจากอาหารเย็น  ก็หลับกันไป พอเช้ามืด ก็เสริฟอาหารเช้ากันอีกรอบ แต่อันนี้มาแบบเบาๆ  หนมปัง
แยม น้ำผึ้ง และผลไม้ 3-4 ชิ้น  พร้อม ชา กาแฟ  ก็ทานกันล้างขี้ฟันไปก่อน  ก็ตื่นมาหน้ายังไม่ได้ล้างเลย


ตื่นมาก็สำรวจที่นั่งกันหน่อย  แอบชอบอียิปต์แอร์นะ เพราะว่าช่วงขาที่เหลือเยอะมากอ่ะ 
แต่เอ๊ะ รึว่าเราขาสั้นกันแน่นะ  เข็มขัดก็ยาวด้วย  รัดพุงหลามๆ ของเราแล้วก็ยังเหลืออีกเยอะอ่ะ
ดีจัง  เหมือนบินกับสายการบินนี้แล้วเราดูตัวเล็กลงไงไม่รู้   ลั้ลๆๆลา  


ไม่นานเท่าไรหลังจากทานอาหารเช้าหมดไป   เข้าเขตไคโร ท้องฟ้าเริ่มสว่างตื่นเต้นจัง  


หลังจากเครื่องแลนดิ้งลงจอดเรียบร้อย  ก็ต้องนั่งรถต่อไปยังอาคารผู้โดยสาร  ขอบอก ณ ตอนนั้น 
ที่ไคโร หนาวมากๆ  ก็หิมะเพิ่งตกในอียิปต์นี่นา ตกเป็นประวัติการณ์  เราเองก็นึกไม่ถึง ดันใส่กระโปรงสั้น
แหงล่ะ .......  นอกจากจะตกเป็นเป้าสายตา อวดต้นขาล่ำๆ แถมยังยืนสั่นแบบมั่นใจ
 เพราะอะไรต่อมิอะไร โหลดไปกะเครื่องหมดแว้วววว


ผ่านอาคารผู้โดยสาร  สนามบินไคโร ก็งั้นๆ ไม่ประทับใจเท่าไร เพราะระบบการต่อเครื่อง เจ้าหน้าที่ทำงานกันค่อนข้างช้า  กว่าจะได้เช็คอิน กว่าจะให้เข้าไปนั่งรอ ก็เป็นพักๆ เลยเด้อ
แต่นั่นไง ลำนี้แหละ  จะพาเรามุ่งไปสู่อิสตันบูล   


มาดูสภาพภายในเครื่องที่จะต่อไปอิสตันบูลกันหน่อย  ช่วงขากับเบาะรู้สึกจะแคบและเล็กกว่านิดหน่อยจากลำที่นั่งมาจากไทย   แต่เข็มขัดยังยาวเอาใจพุงเราอยู่ หุ หุ หุ  ชอบตรงนี้แหละ 
แต่แอบเก๋นะคะ  เพราะลำนี้มีจอทีวีรวมให้ดู พร้อมแจกหูฟัง  อยากให้โลวคอสต์ในไทยเจ้าใหญ่ๆ 
ที่บินระหว่างประเทศ 3-5 ชม มีแบบนี้มั่งจัง   งุงิงุงิ



ดอกไม้ทะเลทรายมาแล้วจ้า   ฮี่ฮี่ฮี่


ถึงอิสตันบูล กว่าจะผ่าน ตม  กว่าจะออกมายืนเอ๋อ ที่สนามบิน  ก็คงต้องตั้งหลักกันหน่อย
ว่าจะไปทางไหนดี  แผนแรก งั้นต้องไปหาโฮสต์ผู้ใจดีของเราที่บรูซ่า เพื่อหาที่พักและก็ตั้งหลัก
กันก่อน ว่าจะเอาไงกับชีวิตดี  เพราะวันแรกที่มาถึงรู้สึกเหนื่อยแล้ว  เรานั่งรถไฟจาก สนามบินอตาเติกร์  ราคา  3 TL ไปลง  สถานี Otagar  หรือสถานีรถบัส ที่อิสตันบูล  ถึงแล้วก็เดินขึ้นบันไดไป 
จะมีคนขายตั๋ว สถานีรถบัสอีกเยอะแยะให้เราเลือกใช้บริการ  แต่เราขอเลือกเป็นปามุคคาเล
จากประสบการณ์การนั่ง รถบัสของบริษัทปามุคคาเล เก๋สุด เริ่ดสุด ไวไฟแรงสุดๆ  อิอิอิ
หลังจากเดินขึ้นบันได ถ้าจะไปบริษัมปามุคคาเล ให้เลี้ยวซ้ายได้เลยค่ะ  เดินออกไป ข้ามถนน จะเห็น
ป้ายบริษัทแดงๆ แบบในตั๋วเห็นโดดเด่นกันเลยทีเดียว  จับทิศทางก็เดินไปแล้วค่ะ 
ควักพาสปอร์ต ยื่นให้พนักงานแล้วบอก ไป บรูซ่า ได้ตั๋วแล้ว เที่ยวบ่าย 3 โมง ราคาประมาณ 30-50 TL
 เฮ้อ  สิ้นสุดซะทีความทรมาน  อยากนอนอยากพักผ่อน  แต่กว่าจะถึงบรูซ่า คงประมาณ 2  ทุ่มได้
แต่จะแคร์อะไร ในเมื่อบนรถ  มีทั้งที่ชารต์โทรศัพท์ ไวไฟ โทรทัศน์ พร้อมหูฟัง น้ำขนมแจกฟรี 
แบบนี้ศกุนตลาก็ยาวสิค้า  จุ้บ จุ้บ


ลืมบอกค่ะ อิสตันบูลก็หนาวมากค่ะในช่วง มีนาคม ใช่ย่อยซะที่ไหนกัน แต่เราก็หาได้ไหวหวั่นไม่

รถบัสที่ออกจากอิสตันบูลไปบรูซ่า หรือ อิสเมร์หรือที่อื่นๆ ออกมาแล้วก็จะต้องลงเฟอรรี่ด้วยเพื่อข้าม
มายังอีกฝั่งนึงของอิสตันบูล หรือที่เราจะเรียกกันว่า ฝั่งเอเชีย  ฝั่งที่สนามบินอตาเติกร์อยู่
นั่นคือฝั่งยุโรป  โดยที่ฝั่งเอเชียจะมีอีก 1 สนามบินคือ Sabiha airport  

หลังจากรถลงเรือเฟอรรี่ได้ไม่นาน  คนขับจะดับเครื่องโดยที่เราอาจจะลงไปเดินเล่นบนเรือ 
หรือจะนั่งบนรถต่อก็ได้  แต่ตอนที่เรานั่งไปจากอิสตันบูล  เราเจอผู้ชายตุรกี ชื่อไมค์ 
เขานั่งด้านหลังเราไปเยื้องไป 2 แถว  เขาถามเราว่า คนไทยเหรอ เราบอกใช่  
เขาบอกเขาเพิ่งมาจากเมืองไทย  แหม ดีจัง มีเพื่อนคุย  แต่จะว่าไป คนตุรกี นิยม
มาเที่ยวเมืองไทย พอๆ กะที่ไทยไปเที่ยวตุรกีเลยนะ  เขาถามเราว่า มาคนเดียวเหรอ  เราบอก ใช่
เขาถามมาทำไม   เรา บอก เราจะไปซีเรีย  เรามาตุรกีเป็นครั้งที่ 3  และครั้งนี้เราจะไปซีเรีย
เขาร้องเสียงหลง  โอ้ยย  ยูบ้าไปแล้ว  555555  เราหัวเราะชอบใจ 
แต่การพบกันครั้งนี้ เราก็ได้เพื่อนชาวตุรกีเพิ่มขึ้นอีก 1 คน  

ไมค์ ชวนเราลงไปเดินเล่นข้างล่าง  บนเรือมีห้องพักผู้โดยสาร  สามารถสั่ง ชา กาแฟมาดื่มได้ 
เสียตังค์ค่ะ  555  หรือจะนั่งเล่นดูทีวีก้อได้ เพราะข้างนอนลมแรงแล้วก็หนาวมาก  
ดูจากภาพสิ อากาศขมุกขมัวเชียว



ใกล้จะถึงฝั่งแล้ว  เราก็กลับขึ้นรถเพื่อขึ้นออกจากฝั่ง เราเลยนั่งเม้าท์แตกกับไมค์ไปตลอดทาง เพราะกว่าจะถึงบรูซ่า  ก็โน่นแหละ  อีก  4-5  ชม    ส่วนไมค์จะไปต่อที่อิซเม่ร์ เพราะบ้านเขาอยู่ที่นั่น  ไมค์บอกเราว่า ถ้าคราวหน้าแบกแพคมาอีก  ไปอิซเม่ร์  รับรองที่พักฟรี  อิอิอิ   เอ้ะ รึตานี่ จะมองเราออก  ว่าเราชอบของฟรี   แต่ใครจะกล้าไปล่ะเนอะ  คนเดียวอ่ะ สวยด้วยอ่ะ  555


เราถึงบรูซ่า ค่ำๆ   พี่สาวใจดี ที่ไม่ว่าจะไปกี่ครั้งเธอก็ยังยินดีต้อนรับเราเสมอ ทั้งที่พักที่กิน
ขวัญใจนักเดินทางคนยากอย่างเราซะจริงเชียว    พี่นิดมารับเราที่สถานีรถบัส  ไมค์เดินมาส่งเราที่ประตูเข้าอาคาร  เราได้แต่ร่ำลากัน  และสัญญากันเล็กๆ ว่าหากมีโอกาสคงได้พบกัน    รอสักพักพี่นิดก็มาพร้อมกับน้องน้ำแข็งลูกสาวคนสวย  แล้วก็ บาบา  คุณพ่อของสามีพี่นิด  บ้านนี้ใจดีแล้วก็น่ารักกันทั้งบ้านค่ะ   ไม่รู้จะตอบแทนยังไงเลย   ได้แต่ขอบคุณและขอพรให้ครอบครัวเธอทุกครั้งที่เรานึกถึง
คืนนี้ เราหลับสบายและเป็นสุขอีกเช่นเคย  พี่นิดทำต้มยำไก่ไว้รอ  อิอิอิ  โอ้ยย มีความสุขจริงๆ
เราหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน  ตอนแรกจะขึ้นภูเขาหิมะอุรุด้า  แต่เราไปมาแล้ว
เลยรอบนี้ไม่อยากไปอีก    พี่นิดได้เพื่อนใหม่ที่บรูซ่า  พี่โจ๊ะสาวไทยอีกคนนึงที่ไปทำงานที่นั่น
 น่ารักทั้งคู่  พอตื่นเช้ามา  พี่นิดกับพี่โจ๊ะและครอบครัวก็พาเราไปทานอาหารกันที่หมู่บ้านอนุรักษ์กัน
  ไปกินอาหารเช้าแบบพื้นเมืองคนตุรกี


                                     หน้าร้านอาหารที่สามีพี่นิดเป็นเจ้าของกิจการที่บรูซ่า Bursa

ระหว่างรอรถ  อากาศถือว่าเย็นมากค่ะ 


เราเรียกแท้กซี่ไปกัน ถึงแล้วก็เลือกร้าน  เพราะที่หมุ่บ้านอนุรักษ์จะมีร้านอาหารหลายร้าน 
รวมทั้งร้านที่ระลึก ของฝาก  แต่ะคุณแม่สามีของพี่นิด จะรู้จักคนที่หมู่บ้านนี้ เราจึงได้มาทานกันที่นี่



ต้นเชอรี่กำลังออกดอกค่ะ  เกิดมาเพิ่งเคยเห็น

ฝนตกปรอยๆ  แต่สาวๆ ก็ยังสวยสู้กล้องกันอยู่นะ



บรรยากาศภายในร้านอาหาร ที่นี่จะมีห้องพักให้เช่าด้วย  เป็นห้องพักแบบโฮมสเตย์







เราขึ้นไปดูชั้นสองได้สักพัก อาหารเช้าก็ถูกนำมาเสริฟ์ข้างล่างแล้ว
อาหารเช้าตุรกีจะเป็นแบบดั้งเดิม โดยมีขนมปังที่ย่างมาอุ่นๆ  กินกับ ชีส ซึ่งมีทั้งก้อน ทั้งแผ่น 
ทั้งเส้น  และก็พวกแยมผลไม้ต่างๆ ที่ทำเอง  น้ำผึ้ง พริกบดตุรกีแต่ไม่เผ็ด ไข่ดาว
มันบดทอด  การกินก็ฉีกขนมปัง จิ้มกับสิ่งต่างๆ ตามชอบ   ตบท้ายด้วยการซดชาตุรกีร้อนๆ 


ทุกคนหิวกันมากๆ ดูจากสีหน้า อิอิอิ



ส่วนเราก็นี่เลย  ที่คิดถึงที่สุด  ก็ชาตุรกีนี่แหละ   ซดร้อนๆๆ  ชื่นใจ


อิ่มอร่อย ก็ออกมาเดนเล่นกันรอบๆ หมู่บ้าน  เรามา 3 รอบแล้ว  แต่ก็ยังประทับใจอยู่
แต่เนื่องจากที่ฝนตกปรอยๆ ทั้งวัน  เลยว่าอิ่มแล้วก็เข้าบ้านกันก่อนดีกว่า เพราะจะไปมัสยิด
ที่พี่นิดแนะนำว่า ศักดิ์สิทธิ์ ให้ลองไปขอพรดู    อิอิ  เลยอดเลย

พี่นิดชวนให้เรานอนที่บรูซ่าต่อ เพราะจะได้ขับรถไปอิซเม่ร์กัน  แต่ครั้งนี้เราไปคนเดียว
เรานึกอยากไปซีเรีย  เราเลยขอว่างั้นเราเปลี่ยนแผนนั่งรถไปลงอดานา
 เพื่อต่อไปยังฮาไตย เมืองที่ใกล้ซีเรียที่สุด ที่กำลังมีปัญหาการสู้รบกันอยู่ 

หลังจากพักผ่อน  สามีพี่นิดก็จองตั๋วรถออนไลน์ผ่านเวปไซต์ให้สำหรับการไปอดานา
จริงๆ สามารถบินไปก็ได้ จากอิสตันบูล ค่าเครื่องบิน ไม่ถึงพันบาท  แต่เรามานั่งคำนวรณเวลา  
จากเบอร์ซ่ากว่าจะไปสนามบิน  5-6 ชม  ไปนั่งรออีก 2 ชม  บิน 1 ชม   พอๆ กะใช้เวลานั่งรถไป
 ประมาณ 12  ชม  แต่เราก็จะได้ไม่ต้องรีบ  คือชิวๆ อยู่ที่เบอร์ซ่า แล้วก็ไปอดานาโดยรถบัส
ตอนค่ำๆ  แล้วไปถึงอดานาตอนสายๆ ของอีกวัน   หลังจากนั้นเราก็ติดต่อโฮสต์ที่เคยรู้จักกัน 
จาก www.couchsurfing.org   เพื่อขอไปอาศัยที่กินที่นอน  โฮสต์ก็ตอบกลับมาเร็วมาก
ว่ามาเลย มีเวลาให้ 2 วัน จะพาเที่ยว  อิอิอิ   เข้าทางเป้ะ  

พอเย็นๆ ก็เก็บกระเป๋า  พี่นิดกับพี่โจ๊ะ พานั่งรถเมล์ไปสถานีรถบัส  ควรเผื่อเวลาจากตัวเมืองบรูซ่า
ไปสถานีรถบัส หรือท่าเรือเฟอรี่กันอย่างน้อย 2-3  ชม นะคะ  เพราะทั้งสองที่ตั้งอยู่ห่างไปจากตัวเมือง
พอสมควร  จึงควรเผื่อเวลาไว้มากๆ  ยิ่งถ้าไปด้วยรถเมล์ เราเองใช้การต่อรถถึงสองต่อ  เวลาค่อนข้าง
เฉียดฉิว  แบบไปถึงรถออกพอดี ไรงี้  เราไปถึงสถานีรถบัส ก็ไปขึ้นตั๋วโดยพาสปอร์ต  
พี่สาวทั้งสองคนไปส่งจนขึ้นรถ  ขอบคุณกันอีกครั้ง เป็นรถของบริษัทเมโทร
เที่ยวนี้เรานั่งยาว  12  ชม  แต่ดีว่าเป็นกลางคืนอย่างน้อยก็หลับไปจนเช้า  



ระหว่างทาง รถจะแวะประมาณ 2-3 ครั้ง เพื่อเข้าห้องน้ำ  แต่อากาศกลางคืน ข้างนอกหนาวมาก 
3 องศา เท่านั้นเอง  เราไม่ได้ลงจากรถ เพราะหลับ  พนักงานรถมาปลุกว่าไม่ลงไปหาไรกินเหรอ 
เราส่ายหัว ไม่ เพราะหลับตุนเอาแรงไว้ก่อนดีกว่า

ตื่นมาเช้าๆ บนรถ เริ่มแจก ชา กาแฟ แล้วก็ ขนม   ระหว่างทางบนรถที่เรานั่งมา  มีสาวตุรกีนั่งมา
ด้วยกัน  เธอชื่อมาเรียม  เธอพอพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง  แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปเธอมาหรอก  เพราะ
บริษัท รถ  ของ METRO เมโทร  ไวไฟไม่เริ่ด พาเราหงุดหงิด  แต่เธอก็ใจดีแล้วก็น่ารักมากๆ  
เธอมีชอคโกแลตมาแอ้มกับชา  เธอแบ่งให้เราตั้งหลายชิ้น  เราก็กินจนหมดเหมือนกันนะ  


ตื่นเต้นจัง เพราะเข้าเขตจังหวัดอดานาแล้ว ไม่นานก็คงถึงสถานีรถบัสอดานา  
แจ้งโฮสต์ไว้ให้มารับไม่รู้โฮสต์จะมาหรือเปล่า  ตื่นเต้น  ตื่นเต้น   



อาดานา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Adana
Metropolitan Municipality
Adana555.png
อาดานา is located in Turkey
Adana
Adana
Location of Adana
พิกัดภูมิศาสตร์: 37°0′N 35°19.28′Eพิกัดภูมิศาสตร์37°0′N 35°19.28′E
ประเทศธงของประเทศตุรกี ตุรกี
RegionMediterranean
ProvinceAdana
ก่อตั้ง6000BC (8014 years ago)
Incorporated1871 (142 years ago)
DistrictsSeyhanYüreğir,ÇukurovaSarıçam,Karaisalı
การปกครอง
 • ประเภทMayor-council government
 • หน่วยงานAdana Metropolitan Municipality
 • MayorZihni Aldırmaz (acting)
พื้นที่
 • ทั้งหมด2,700 km2 (1,000 sq mi)
ความสูง23 m (75 ft)
ประชากร(2012)[1]{{{ประชากร}}}
 • ความหนาแน่น606.01/km2(1,569.6/sq mi)
เขตเวลาEET (UTC+2)
 • Summer (DST)EEST (UTC+3)
Postal code01xxx
รหัสพื้นที่0322
Licence plate01
เว็บไซต์http://www.adana.bel.tr
อาดานา (Adana) เป็นเมืองทางตอนใต้ของประเทศตุรกี และเป็นศูนย์กลางการค้าและกสิกรรมที่สำคัญ เมืองตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำเซย์ฮาน อยู่ห่างจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนราว 30 กม. เป็นเมืองหลวงของจังหวัดอาดานา มีประชากร 1.6 ล้านคน
แต่เดิมเป็นที่ตั้งกองทหารของโรมัน ต่อมาประมาณ ค.ศ. 762 ฮารุน-อาร์-รอซิด คอลีฟะห์แห่งราชวงศ์อับบาซียะห์ได้เข้าครอบครองแลทะนุบำรุงจนเจริญรุ่งเรือง ระหว่าง ค.ศ. 1832-1840 ตกเป็นของอียิปต์


เข้าเขตเมืองแล้ว  ก็จะพบมัสยิดได้ทั่วไปในเมืองอดานา  เมืองค่อนข้างใหญ่นะ
 แต่เช้าๆ แบบนี้เหมือนจะดูเงียบๆ ไม่ค่อยเห็นรถเห็นคนเท่าไร   อดานาเป็นเมืองเกษตร
 และโรงงานถือว่าเป็นจังหวัดใหญ่ที่สุดแห่งนึงของตุรกี  


รถบัสพาเรามาจอดที่สถานีรถบัส  เราตะโกนถามคนบนรถว่า  อดานา  อดานา  ทุกคนพยักหน้า 
เราก็เลยลงไปรับกระเป๋า  มองหาโฮสต์  อ้าว ไหนวะ นัด 7 โมง ไม่เห็นหัวโฮสต์ 
ตายห่าละกู  ทำไงดีวะเนี่ย  โทรไปโฮสต์ก้อไม่รับ  งั้นไปตั้งหลักก่อน  ไปเข้าห้องน้ำล้างหน้า
แปรงฟันให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที กะว่าถ้าโฮสต์ไม่มา ก็จะนั่งรถเมล์เข้าเมืองไปหาโรงแรม
เราซื้มซิมการ์ดจากเบอร์ซ่ามา  40 เทเล ได้แถม ชม อินเตอร์เนตด้วย  เลยได้อัพเฟสฆ่าเวลามาตั้งแต่บนรถ เพราะบนรถไวไฟแย่มาก เล่นไม่ได้เลย    ห้องน้ำที่ขนส่งตุรกี  เสียค่าเข้าครั้งละ 1 ลีร่า
หรือ 1 TL =  15  บาท   จะเห็นได้ว่า ค่าเงินตุรกี ลดไปจากภาคที่ 1 ที่เราไปมา1-2 บาทแน่ะ  
แต่ก้อนะ  อยู่ไทย  จะขี้จะเยี่ยวก็ ครั้งละ 3-5 บาท  แต่นี่ครั้งนึง 15 บาท  ก็นะ  เอิ่ม..........

ยืนหมุนอยู่ในห้องน้ำได้ไม่นาน โฮสต์ก็โทรมา ว่าขอโทษหลับนานไปหน่อย 
อาจจะเพราะยังเช้าอยู่ด้วยมั้ง คนตุรกีส่วนใหญ่จะตื่นและทำงานกันตอนสาย  
หรืออาจจะเป็นเพราะช่วงเวลากลางวันที่ยาวนาน  จึงนิยมทำงานกันสายๆมั้ง 
โฮสต์มารับเรา ด้วยรถยนต์ที่ยืมมา เพราะโฮสต์เพิ่งขายรถไป จึงยังไม่มีรถใช้ 
แต่การเที่ยวในอดานา โฮสต์บอกไม่มีปัญหา เพราะทุกตรอกซอกซอยมีรถเมล์ผ่าน
โฮสต์พาเราไปพักที่บ้าน ที่มีแม่กับน้องชายอยู่  บ้านของโฮสต์อยู่ห่างจากตัวเมือง
ออกมาสักหน่อย  เป็นบ้านหลังใหญ่พอสมควร  2 ชั้น เลี้ยงหมา
เลี้ยงนก มีสวนโอลีฟ สวนผัก  อากาศที่อดานาค่อนข้างเย็น ถึงแม้ใครต่อใครจะบอกเรา
ว่าที่นั่นอากาศค่อนข้างร้อน  แต่เราก็ว่า  โอนะ  ขนาดร้อนๆของเขา  เราก็ยังหนาวอยู่ดี

เก็บกระเป๋า พักผ่อน ทานอาหารเช้า โดยแม่ของโฮสต์เป็นคนทำให้  โฮสต์ก็พาเรานั่งรถเล่น
ชมเมือง  โดยที่แรก โฮสต์พาไปดู มัสยิด   Sabanci Central Mosque
เป็นมัสยิดประจำอดานาเพราะจะมีสวนดอกไม้สวยๆ ไว้ให้คนมาเดินเล่นพักผ่อนได้ด้วยรอบๆ  
เป็นมัสยิดที่อยู่ใจกลางเมือง  นอกจากมัสยิดที่อดานาก็ยังมีอีกหลายๆ ที่  ที่น่าสนใจไปเยี่ยมชม
เช่น   พิพิธภัณฑ์โบราณคดี อดานา   มัสยิด Oil Mosque   หอนาฬิกา Great clock tower 
สวนน้ำ Mevi  su aqualand    และอื่นๆ อีกหลายที่  ที่น่าสนใจ แต่เนื่องจากเวลาของโฮสต์และเรา
ที่มีไม่มาก จึงไม่อาจจะไปหลายที่ได้  เพราะเราวางแผนไว้ในใจ ว่าอยากจะไปฮาไตย 
เดี๋ยวจะลองชวนโฮสต์ดู เพราะ ฮาไตยอยู่ห่างจากอดานาไปอีก เกือบ 200  โล  


โฮสต์พาเราเดินเล่น พาไปไหน เราก็จำชื่อได้มั่งไม่ได้มั่ง เพราะไม่ได้จด นานเข้าก็ลืม 
แหะ แหะ   โฮสต์มีเพื่อนอยู่เมืองคนนึง โฮสต์จะพาเราไปแถวนั้นแล้วก็จะชวนเพื่อน
มานั่งเล่น นั่งคุยด้วยกัน  เพราะเขาพอพูดภาษาอังกฤษได้  จะว่าไป คนตุรกีรุ่นใหม่
ก็รู้ภาษาอังกฤษ พูด อ่าน เขียนได้ดีพอสมควรเลยนะ  


ไปนั่งเล่นกันที่สวนสาธารณะ  ตรงนั้นจะเป็นย่านศูนย์การค้าที่มีผู้คนพลุกพล่านพอสมควร
เรานั่งเล่นกัน  โฮสต์ดื่มชา  แล้วให้เราลองน้้ำสีแดงๆ แก้วนี้ดู   เราก็ว้าววๆ   สีสรร น่าสนใจ
ซดไปเต็มที่   ง่ะ....  น้ำมันรสชาติแปลก  เหมือนน้ำผักกาดดองไรงี้  
 เราจิบได้แค่นั้นแหละ ไม่ไหว เปรี้ยวจัด  ไม่กล้าดกมาก กลัวท้องไส้ไม่รักดี
ถามไถ่ได้ความว่า มันคือน้ำแครอท  เป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกัน  เราก็ เอิ่ม.........


ขายกันเป็นขวดทีเดียว  กินกันเป็นลิตรๆ  แต่เราว่า ถ้าได้ดื่ม ตอนเช้าถ้าจะดี
 เพราะความเปรี้ยวน่าจะช่วยย่อยอาหารได้ดีพอสมควร


เดินเล่นกัน  เพราะโฮสต์จะพาไปให้อาหารแมวหมา  เพราะเพื่อนโฮสต์ ที่ชื่อบรูก้า 
เขาเป็นคนรักสัตร์ โสด อยู่กับหมา 1 ตัว  เย็นๆ เขาจะเดินหิ้วถุงอาหารไปแจก
หมา แมว ข้างทาง  วันนี้เขาจะพาเราไปด้วย  555  ปกติเราก็เป็นคนรักสัตว์นะ
แต่ เอิ่ม....  คิดได้ไงพาเราไปให้อาหารสัตว์ 55   แต่ก็ดีนะ ถือซะว่าเดินเล่นรอบเมือง


แต่ก่อนอื่น บ่ายๆ ชักหิว  โฮสต์พาแวะร้านเคบับ  สั่งเคบับมาคนละอัน
เขาก็ยกจานผักดองมา  เราเห็นพริกดอง  โอ้ยย  อยากกินๆ  ไม่ได้กินอะไร
เผ็ดๆ มาหลายวัน จะลงแดงอยู่แล้วเนี่ย   


รอไม่นานเคบับก็มา  โห  อันเบ้อเริ่มเทิ่ม  ดูขนาดจากในภาพ ใหญ่และยาวมากๆ 
จะกินหมดเลยก็เขิน   เลยตัดแบ่งให้โฮสต์ไปครึ่งนึง  เพราะทานไม่หมด  
โฮสต์ทำหน้่าเหมือนไม่เชื่อ แต่อีครึ่งนึงที่ได้ไป เห็นกินหมดเชียวนะโฮสต์ อิอิอิ
เคบับอันละ  5 TL ประมาณ  75  บาท  อันเดียวอยู่ค่ะ 


ถ้าระหว่างกิน ก็สามารถขอซอสมาราดเพิ่มได้  ซอสมีรสชาติเผ็ดนิดๆ อร่อยดี  จับพริก 
ยัดไปในเคบับสัก  5-6 เม็ด  เรียกความซาบซ่านได้เป็นอย่างดี  อร่อยๆๆ  


ทานกันอิ่ม เราก็เดินไปอพาร์ทเม้นต์ของบรูก้า เพื่อไปเอาอาหารสัตว์ แล้วเริ่มเดินให้อาหารกันรอบเมือง 
เราเดินผ่านตึกรามบ้านช่อง  ผ่านคลองส่งน้ำ  น้ำที่นี่สีสวยอ่ะ  สีฟ้าแปลกๆ ชอบจัง


ริมทางเดินรอบคูน้ำแบบนี้  ก็จะมีจุดให้คนนั่งเล่นได้เป็นระยะ  มักจะมีผู้สุงอายุตุรกี 
มานั่งเล่นกัน  คูน้ำสะอาดไหลแรง มีเป็ดด้วย  น่ารักดี


เดินตากแดดไม่นานเท่าไร  เป็นไงล่ะ  คมเข้มขึ้นทันตาเห็นเลยนะสาวไทย



หลังจากเดินเล่นรอบเมืองเสร็จ เราก็ไปนั่งเล่นต่อกันที่ สวนสาธารณะ Merkez  
เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่มากๆ มีคนมาเดินเล่น ออกกำลังกาย  เราไปนั่งเล่นจนค่ำ  
เลยเสนอโฮสต์ว่า  เช่ารถแล้วขับไปฮาไตยกันดีกว่า  คืนนี้ไปนอนค้างที่ฮาไตย
แล้วเที่ยวที่นั่น  เพราะโฮสต์ไม่ยอมพาไปแค้มป์ซีเรีย  แต่บอกแค่ไปฮาไตยก็ถือว่าอันตราย
เราเลยโอเค  โฮสต์ได้รถมา พาขับชมเมืองตอนกลางคืน  เราแวะซื้อเบียร์ กลับไปดื่มที่บ้าน
ของโฮสต์  โดยมีน้องชายของโฮสต์มาดื่มด้วย  สนุกดี  โฮสต์บ้านนี้ใจดีกันมากๆ

หลับพักผ่อนกันไป 1 คืน  ตื่นแต่เช้าเตรียมไป ฮาไตย์ Hatay  เราเก็บของเลย เพราะ
ขากลับโฮสต์จะต้องแวะส่งเราที่ สนามบินอดานาเลย เพราะเราบินกลับอิสตันบูล
ด้วยสายการบิน Pegasus   ราคาประมาณ 8-900  + บาท  ไปลงสนามบิน Gok Sabiha Airport
 เพื่อไปพักที่อิสตันบูล 2 คืน ก่อนบินกลับเมืองไทย  

แม่ของโฮสต์ขอถ่ายรูปด้วย  555  เธอบอกตื่นเต้นกับนักท่องเที่ยวที่มาจากเมืองไทย



แม่กับน้องชายของโฮสต์  แต่โฮสต์ไม่ให้เราลงรูป โฮสต์ เราเลยไม่อยากขัดใจ  
แต่แอบลงรูปครอบครัวเขา  คงไม่ตามมาด่าหรอกนะ  อิอิอิ  
น้องชายชื่อโอซาน  อายุ  24   แต่เสียดาย หมั้นแล้ว  55555555



ร่ำลาครอบครัวของโฮสต์แล้ว เราก็ขับยาวไป  ฮาไตย์ โดยแวะ Antakya อันทาเกีย
เมืองนึงเพื่อชมพิพิธภัณฑ์ และทานอาหาร  โดยเมืองนี้ก็อยู่ในเขตจังหวัด  Hatay แล้ว



ช่วงนั้นกำลังมีเลือกตั้งกันพอดี มีทหารตำรวจ ตั้งด่านกันเป็นระยะ เพราะเมืองนี้ติดกับชายแดนซีเรีย
เข้าข่ายไม่ปลอดภัย  กว่าเราจะมาถึงได้  มีแต่คนว่าเราบ้า  แต่อะไรที่เราไม่ได้เห็นด้วยตา
เราก็อยากมา  พอมาแล้ว เราก็ว่าที่ ฮาไตย และ อันทาเกีย ก็ไม่ได้อันตรายอย่างที่ิคิดเท่าไรนะ 
การท่องเที่ยวก็ยังปลอดภัยและน่าสนใจอยู่ นักท่องเที่ยวก็มาเยอะกันพอสมควรด้วย


Antakya  อันทาเกีย เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี เดิมชื่อ อันติออค ซึ่งเป็นชื่อที่ยืมมาจากภาษาอาหรับ อันฏอกียะหฺ ซึ่งมาจากคำว่า Ἀντιόχεια อันติออเคีย ในภาษากรีก หรือ Antiochia ในภาษาละติน ก่อตั้งโดย Seleucus I ซึ่งเป็นอดีตทหารของอเล็กซานเดอร์มหาราช ในปี 300 ก่อนคริสตกาล ต่อมาในช่วงปี 261-281 ก่อนคริสตกาล อันติออคุส ลูกครึ่งกรีกเปอร์เซียขึ้นปกครองเป็นจักรพรรดิ์ครองเมืองนี้ ตั้งแต่นั้นมาก็มีจักรพรรดิใช้ชื่อนี้หลายคน เมืองนี้จึงเป็นที่รู้จักกันในนามอันติออคสืบมา ประชาชนที่อาศัยในเมืองนี้เป็นชาวกรีกในปี 40-39 ก่อนคริสตกาล อันติออคถูกชาวพารเธีย (เปอร์เซียโบราณ) เข้ายึดครอง และต่อมาก็ตกภายใต้อาณาจักรโรมัน ประวัติศาสตร์ระบุว่า สาส์นของนบีอีซา (เยซู) เริ่มมาถึงอันติออคในปี 34 หรือ 36 แล้วในปี 37 ก็เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จนจักรพรรดิ์คาลิกุลา (Caligula) แห่งโรม ซึ่งขึ้นปกครองในวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 37 ต้องส่งคนไปตรวจสอบเพื่อรายงานความเสียหาย
ปัจจุบันอันติออคเป็นที่รู้จักกันในนาม อันตาเกีย อยู่ในประเทศตุรกี ติดกับชายแดนซีเรียและ

ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ชาวเมืองยังคงพูดภาษาอาหรับ สำเนียงซีเรีย ใ

นเมืองนี้มีภูเขาลูกหนึ่งมีชื่อว่า ฮะบีบ อันนัจญารฺ



เราจอดรถกันไว้ แล้วเริ่มเดินสำรวจเมืองอันทาเกีย โดยการร้องขอจากเราเอง 
เพราะโอกาสที่จะได้มาแบบนี้มีไม่บ่อยนัก  เมืองอันทาเกีย  ถือเป็นจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยว
มาเยือนมากที่สุด  ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า  รวมทั้งตึกรามบ้านช่องค่อนข้างทันสมัย
ด้านในถนนจะเป็นคลองส่งน้ำที่กว้างพอสมควรโดยที่ถนนด้านในจะเป็นถนน
แบบย่านช๊อปปิ้งเดินเล่นทั่วไป  มีทั้งร้านอาหาร  ร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก  เราไม่เห็นคนเอเชีย
ที่นี่เลยสักคนในวันที่เรามา  ส่วนใหญ่จะมีแต่คนซีเรียที่อยู่เดิม และก็คนตุรกี


เดินข้ามไปถนนฝั่งในกัน  หาไรรองท้องกันดีกว่า  








เจอร้านนึงน่าสนใจ เพราะเราอยากกินเคบับอดานา  แต่อยู่อนาดาไม่ได้กิน เลยมากินที่อันทาเกีย 
ร้านนี้มี 2 ชั้น ท่าทางสะอาดเลยเลือกร้านนี้ดีกว่า  เราเดินขึ้นไปชั้นสอง



พบการตกแต่งร้านด้วยของสไตล์เตอร์กิช  อิอิ  ชอบอ่าาาา   บอกแล้ว เรารักทุกอย่างที่เป็นตุรกี


สั่งอดานาเคบับมากินเลย ไม่นานถูกยกมาเสริฟ ก็ตามสไตล์ตุรกี
ไม่ว่าจะสั่งอะไร  จะยกขนมปัง 1 ตะกร้ามาตั้งให้ฟรีเสมอๆ แต่เราไม่กล้ากินขนมปังแล้ว
ไม่ไหว  น้ำหนักตั้งแต่ภาคที่ 1 ที่มาตุรกี   ยังไม่ลงจนภาคที่ 3  แถมภาคที่ 4  เร็วๆ นี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลง




อดานาเคบับคือการเอาเนื้อแกะบดมาปั้นๆ เสียบไม้ย่าง แล้วเสิรฟ์กับพริกย่าง
มะเขือเทศย่าง  ผักหั่นเล็กมาๆ มันบด  กับแป้งโรตี  บางที่อาจจะเสริฟ์กับข้าวสวย


มาแล้วก็ต้องกินซะหน่อยอยากกินมาหลายเพลา กับอดานาเคบับ  อิอิอิ
ตกราคาจานละ  25 TL   แอบแพงนะอาหารตุรกี  แต่นะ คงไม่ได้กินบ่อย
มื้่อหน้าคงต้องอดอ่ะ  เพราะมื้อนี้เกินงบ


อิ่มเสร็จไรเสร็จ ก็เดินย่อยกันออกมา  ที่อันทาเกียมีพิพิธภัณฑ์ด้วย  เราเดินข้ามถนนไป
ราคาเข้าประมาณ 8 TL  ไม่แพงมาก  แต่เห็นมีบางส่วนกำลังปรับปรุงเขาเลยเปิดบางส่วนให้
เข้าไปดูได้  เราเดินวนกันไปรอบเดียว เพราะส่วนที่ปิดปรับปรุงไม่อนุญาติให้เข้า  



เพราะอาจจะด้วยความที่เราเคยไปพิพิธภัณฑ์ที่อันทาเลียมาแล้วตอนไปภาคที่ 2
พอมาที่อันทาเกีย เลยรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นไรมาก เพราะสถาปัตยกรรมรูปทรงโรมัน
มองไปทางไหนก็เหมือนกันไปหมดเลย





ออกจากที่นั่น โฮสต์ก้อพาไปที่อื่นต่อ  ที่นี่จะเป็นแนวธรรมชาติ เป็นธารน้ำตกเล็กๆ  ลดหลั่นกันไป 
โดยจะมีร้านอาหารเครื่องดื่มเป็นจุดขาย ประมาณว่า มานั่งชมวิว  จอดรถแล้วเดินลงไปประมาณ
500 เมตร ก็จะมีหลายร้านมห้เลือกนั่ง เห็นสายน้ำไหน ซู่ซ่ามาแต่ไกล  นั่งจิบชากันสักแป้บก็ได้เวลากลับ
เพราะกว่าจะถึงอดานาก็คงอีก 1-2  ชม เพื่อไปขึ้นเครื่องกลับอิสตันบูล





หลังจากที่โฮสต์มาส่งสนามบิน ไม่มีเวลาร่ำลากัน เพราะกว่าจะมาถึง รถที่ฮาไตย ติดมาก
แถมกว่าจะผ่านด่านออกมาได้ พอมาถึงสนามบิน เลยเวลาเช็คอินไป 15 นาที 
แต่ดีว่าพอไปถึง แถวเช็คอินยังยาวเป็นกิโล  สนามบินอดานาไม่ใหญ่มากนัก  คงชิวๆ  
เราเลยรอดไปอย่างฉิวเฉียด อิอิอิ  ได้เช็คอินขึ้นเครื่องไปอิสตันบูล  
ผ่าน ตม เล็กๆ มาแล้ว  โฮสต์หาที่จอดรถได้ วิิ่งตามมาส่งได้ถึงประตูเกท 5555555
เจ๋งไม้ล่ะ สนามบินนี้  คือมันเล็กอ่ะ เขาเลยไม่ได้กั้นอะไรมากมาย  เราเลยเดินออกไป
ร่ำลาแล้วก็ขอบคุณโฮสต์ที่ให้ที่พัก ที่กิน และพาเที่ยว 

เราบินมาถึงอิสตันบูล ก็ขึ้นรถลงเรือ ต่อรถ กันให้วุ่นวายไปหมด จนกว่าจะมาถึงย่านสุลต่านอาเหม็ด


วิวบนเรือเฟอรรี่ฝั่ง คาร์ดิก้อย Karkikoy




ฝนก็ตก เราก้เดินลากกระเป๋าท่ามกลางสายฝน เปียกปอนกันไป  แต่ฝนไม่ได้หนัก
แต่ปรอยๆ ทั้งวัน  เราลงจากท่าเรือ ก็ต้องเดินไปท่ารถเมล์ เพื่อต่อรถไปสถานี Kabatas 
เพื่อไปต่อแทรม ไปยังสุลต่านอาเหม็ด  การขึ้นรถเมล์ของที่นี่ต้องมีบัตรไว้แตะทางขึ้นเพื่อ
จ่ายค่าโดยสาร  เราไม่รู้ก้อทำมึนๆ ถามคนข้างล่าง  สุลต่านอาเหม็ด เขาก็ชี้ให้ขึ้นรถ  พอขึ้นมาก็ถือแต่ตังค์เหรียญจะจ่าย ไม่มีที่จ่าย  สักพักคนข้างล่างขึ้นมา แตะบัตรให้ เราก็รีบส่งเงินให้เขาไป
น่ารักจัง หนุ่มตุรกี  ยืนไปสักพัก รถเมล์ก็ออก  มี ผู้หญิงตุรกี มาสะกิด ประมาณว่าให้ลงป้ายหน้า 
เธอพูดอังกฤษไม่ได้  แต่บอกว่ามี ผู้ชายคนนึงจะไปสุลต่านอาเหม็ดโดยแทรม 
ให้เราเดินตามผู้ชายคนนั้นไป  เราก็ แต้งกิ้วๆ  รีบลากกระเป๋าลงรถตามเขาไปต้อยๆ 


สักพักเดินไปถึงแทรมก็หยอดเหรียญเพื่อจ่ายค่าโดยสาร 3 T:L  ที่ตู้  จะได้เหรีญญมา 1 อัน ไว้หยอดผ่านเข้าไปรอแทรม   เฮ้อออ  เหนื่อยน่าดูวันนี้  ฝนตก ไปกันทั้งรถ ทั้งเรือ ทั้งรถไฟ รถราง เครื่องบิน


เราออกจากแทรมที่สถานีสุลต่านอาเหม็ด  ทริปนี้เราไม่ได้จองที่พักล่วงหน้ามา 
กะว่ามาเดินวอคอินเอา   วนไปวนมาเป็นพิธิก็มานั่งตั้งหลักที่ หน้ามัสยิดสำน้ำเงิน 
และสุเหร่าเซ็นต์โซเฟียกันก่อน  เปิดมือถือเพื่อเช็คเนต ว่ามีโรงแรมไหนบ้างไม่ไกล


นั่งเล่นสักพักมีหนุ่มตุรกี เข้ามาถาม  มีอะไรให้ช่วยไม้ เราบอกไม่มีอ่ะ 
เขาบอกแน่ใจนะ    ถามได้ เขายินดีช่วย   เราเลย เออ ลองดูซิ  คนเยอะๆ แบบนี้
คงไม่มีใครกระชากกระเป๋าเราหรอกมั้งนะ  เลย โอเค  ชั้นกำลังหาโรงแรม  อยากได้ใกล้ 
เดินไม่ไกล  มีไหม  เขาบอก มี จะแนะนำให้  ราคาถูกไม่แพง อยู่ไม่ไกลด้วย
บอกถ้าสนใจจะพาไปเลย  อยู่ใกล้ๆ นี่เอง  เราสบตาและคิดตัดสินใจในใจ
นึกว่า   เอาวะ เป็นไงเป็นกัน  มีสติอยู่กับตัวกลัวอะไร  เลยบอกว่า เธอมาช่วยชั้นทำไม
ชั้นไม่มีเงินให้หรอกนะ  ชั้นเป็นนักท่องเที่ยวแบบประหยัด ไม่มีเงินมากพอหรอก
เขายิ้มๆ แล้วบอกว่า  ช่วยฟรี  ไม่ได้คิดเงิน  แล้วถ้าวันนี้เราไม่มีเพื่อน เขาก็อาสา
จะพาไปเที่ยวเอง แต่ต้องหลังเขาเลิกงาน เพราะเขาทำงานร้านคาเฟ่เครื่องดื่ม
ใกล้ๆโรงแรมที่เขาแนะนำให้เราพักนั่นเอง  แต่เราก็แอบคิดว่า ไม่เอาเงิน แล้วมึงจะเอาอะไรวะ



ถามไถ่ได้ความว่าเขาชือ Aycan  เรียกว่า อาจาน  อาจานพาเราเดินผ่าน ฮิปโปโดรม
เพื่อไปยังโรงแรมที่ไม่ใกลนักจากย่านสุลต่านอาเหม็ด  ที่พักในย่านนี้ค่อนข้างเยอะ 
มีตั้งแต่แพงไปจนถูกแบบสำหรับแบคแพคเกอร์ ในราคาประหยัดที่พอรับได้



เดินลัดเลาะลงเนินกันไปเรื่อยๆ  ตรงไปเรื่อยๆ 



เดินตรงไปเกือบสุดซอย


เลี้ยงซ้าย จะมีตึกเก่าโรงแรมเล็กๆ อยู่หลายที่ แต่อาจานพาเรามาที่นี่
ห้องพักเล็กๆ 1 คืน คืนละประมาณ 1 พันบาทต่อคน ไม่มีอาหารเช้า  ไม่มีไรให้เลย


สภาพภายในห้อง ถือว่าพอใช้ได้ สำหรับเมืองใหญ่ๆแบบนี้ มีแอร์ที่ไม่คิดจะเปิด 
มีฮีตเตอร์  ห้องน้ำในตัว    ทีวีไม่มี  มีผ้าเช็ดตัวให้ 2 ผืน


น่านอนดีเหมือนกัน  เรามาถึงที่นี่ก็ 4-5 โมงเย็นแล้ว  เลยเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย
ชาร์ตแบตโทรศัพท์สักนิด  เอนหลังสักหน่อย แล้วค่อยออกไปเดินเล่นเบาๆ ก่อนที่จะมืดค่ำ  
การท่องเที่ยวคนเดียวในเมืองใหญ่ อาจจะแฝงไปด้วยความน่ากลัว  เราจะถือกฎเหล็กเลย
เวลาไปคนเดียว เราจะไม่ออกไปข้างนอกหลัง 2-3  ทุ่มเด็ดขาด 
เพราะไม่อยากเสี่ยงกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันใดๆ ทั้งสิ้น


ก่อนที่จะเย็นไปมากกว่านี้่  เราเลยเดินออกไปสำรวจรอบเย็นดีกว่า  ฝนตกปรอยๆ  
เดินออกมา เจอหนุ่มคนเดิม อาจาน หยุดถามเราว่า จะไปไหน 
เราบอกจะไปเดินเล่น  เขาบอกว่าจะเลิกงานแล้วอีกไม่นาน เดวจะมารับเราไปกินข้าว
หรือที่ไหนก็ได้ที่เราอยากไป  เราบอกไม่แน่ใจว่าจะกลับมาตอนไหน ค่อยว่ากันแล้วกัน
เราก็เดินต่อไปเรื่อยๆ  กะว่าจะไปนั่งเล่นที่สวนหน้ามัสยิดสีน้ำเงิน ดูวิว ดูอะไรต่ออะไร


หน้าสุเหร่าเซนต์โซเฟียนั่งเล่นแบบชิวๆ  อากาศเย็นพอสมควร  


แต่นั่งได้ไม่นาน ก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าคนนึง เดินผ่านมาแล้วหยุดทักทายแต่เราไม่สนใจ
เขาเดินกลับมากระชากหูฟังออก แล้วบอกว่า สวัสดีเป็นภาษาอังกฤษ เราไม่พอใจเล็กน้อย
แต่ก็ตอบกลับไปว่า ไฮ  เท่านั้นยังไม่พอ ตาคนนี้ถือโอกาสนั่งลงข้างเราทันที  พร้อมเปิดผ้าคลุมไหล่
เราออกเพื่อดึงมือไปเช็คแฮนด์  เราร้องเสียงหลง ว่า เฮ้ย ยูจะบ้าเหรอ  เขาบอกไม่บ้าหรอก 
เห็นเรา ชอบ แล้วสนใจ  อันนี้เป็นเหตุการณ์รนึงนะคะ ที่เราจะแชร์ประสบการณ์เวลาต้อง
เจอกับคนแปลกหน้าแบบนี้  เราแกล้งพูดเสียงดังๆ  โน้  โน้ โน้  ชักสีหน้า  สะบัดมือ ประมาณว่า
มึงอย่ามายุ่งกับกู  มันยังถามว่า มาคนเดียว ไปกินน้ำชาบ้านมันไหน  เราบอกทำไมต้องไปบ้านแกด้วย
มีอะไรก้อว่ามา   มันกลอกตาไปมา  แล้วบอกว่า   จริงแล้วมันต้องการมีเซ็กส์กับเรา
พอมันพูดจบ เราอารมณ์ขึ้นเลย ปรี้ดดดดดด ควันออกหู  กำลังอ้าปากจะด่า  เหมือนมันรู้ 
มันรีบลุกขึ้นแล้วเดิน พร้อมกับบอกว่า โอเคๆ อย่าดังไป ถ้าสนใจบอกได้นะ  ยักคิ้วให้เรา 
แล้วเดินจากไป  คือโชคดีค่ะ ว่ายังไม่มืด แล้วตรงนั้นจะมีตำรวจเดินตรวจเป็นระยะๆ  
เพื่อป้องกันมิจฉาชีพที่จะมาหลอกนักท่องเที่ยว เราเลยว่ามันกลัวตำรวจมาด้วย
พอมันเดินไป  เราได้แต่ส่ายหัว  แม่ง บ้าจริงๆ ไอ้พวกนี้  แต่ยังไม่หมดค่ะ 
เรื่องราวของดิชั้นกับผู้ชายตุรกี   


ได้เวลาเราก็เดินกลับห้องพัก  วันนี้งดอาหารเย็นเนื่องจากงบหมด  และก็ไม่ได้รู้สึกหิว
แต่เรื่องที่คิดว่าจะหมดไป  ดันไม่หมด เพราะ  อาจานไอ้หนุ่มที่ช่วยเราตอนแรก  
มันมาบุกห้องพักในตอน 3 ทุ่ม  ว่าเลิกงานแล้ว ชวนเราไปข้างนอกจะไปพาไปกินข้าวเดินเล่นชายหาด 
แต่เราบอกไม่ไปหรอกดึกแล้ว   เขาโทรมาคุย แต่เราปฎิเสธ  แต่หลังจากวางสายไม่นาน
เขาเลยมาเคาะห้องเรา  เราเปิดประตูออกตกใจ  อ้าวมาไงวะ  นึกว่าสงสัยมันซี้กะโรงแรมเลยเข้ามาได้
เขามาพูดนั่นพูดนี่  เราเลยถามตรงว่าๆ มีอะไรว่ามา เพราะดึกแล้วชั้นไม่ออกไปข้างนอก
เขาเลยบอกว่า โอเค  เขาอยากมีเซ็กส์กับเรา   โอ้ยยยยยยยยยย  พระเจ้า
วันนี้เป็นวันอะไรของเรา  เจอแต่หนุ่มอารมณ์หื่น   เขาบอกอีกว่า ไม่ออกไปก้อได้  เขาจะนอนที่นี่
กับเราก็ได้ ถ้าเราโอเค  เขาพร่ำเพ้อสักพัก  ชอบอย่างนั้นอย่างนี้   แล้วสรุปเอาเองว่า
เยส หรือโน  ถ้าเราโน เขาบอกเขาจะไปทันที เราตอบอย่างไม่ต้องคิด  ว่า โน 
เขาบอก โอเค งั้นเขาไป ยินได้ที่ได้รู้จัก ..............   พอเขาออกจากห้อง
เรารีบล๊อคประตูทันที  เฮ้อ  ใจหายใจคว่ำ  แต่ในโรงแรมคิดว่าปลอดภัยอยู่


เป็นอุทาหรณ์ให้สาวๆ นะคะ  ว่าผู้ชายที่บอกรัก บอกชอบเราง่ายๆ  ผลสรุปใช่ว่า
จะจบลงอย่างสวยงามซะเมื่อไร   โฮสต์ของเราที่อดานา ย้ำเรานักหนา  
ว่าอย่าได้เชื่อผู้ชายตุรกีคนไหน ให้ระวังเมือเจอคนแปลกหน้า ใครชวนไปไหนอย่าไป  
ห้ามเชื่อใครง่ายๆ เด็ดขาด
หรืออย่างที่ใครบอกไว้  ผู้ชายตุรกี  หื่น  น่ะจริง 555555
แต่เราก็ไม่ได้กลัวอะไรหรอก  เพราะเราคิดว่าเรามีสติแล้วก็เอาตัวรอดได้พอสมควร
แต่คิดแล้วก็ ขำๆ น่ะ   อิอิอิอิ

โอเคหลังจากที่เหตุการ์ตื่นเต้นของเมื่อคืนวานหมดไป เราก็หลับ ตื่นมาแต่เช้า  รู้สึกหิว
เพราะเมือวานไม่ได้กินไรเลย  ออกไปเดินเล่นสูดอากาศยามเช้า และหาไรกินดีกว่า


ฝนตกแต่เช้า ปรอยๆ  ร้านรวงก็ยังไม่เปิดในย่านสุลต่านอาเหม็ด  มีแต่ร้าน แมค  
เลยเดินเข้าไปหลบฝนแล้วหาอะไรทานง่ายๆ  ได้เบอร์เกอร์มา 1 อัน  ชาร้อน แล้วก็น้ำสตอเบอรรี่ปั่น
วันนี้เรามีเวลาแค่ช่วงเช้า  เพราะบ่ายต้องไปสนามบิน  วันนี้บินกลับไทยตอน 1 ทุ่ม  


อิ่มเสร็จก็ออกมาเดินต่อ แต่ฝนยังตกอยู่ เลยว่ากลับไปนอนที่ห้องพักต่อดีกว่า 
สายๆ ค่อยออกมาหาซื้อของฝากดีกว่า








ระหว่างทางที่เดินกลับ  อิสตันบูลในช่วง กพ ถึง พค  จะเป็นช่วงที่ดอกทิวลิปกำลังบาน
จริงๆ ต้นกำเนิดของทิวลิปมาจากตุรกี  ก่อนที่จะไปโด่งดังเป็นดอกไม้เศรษฐกิจประขำชาติฮอลแลนด์
ต้นกำเนิดมาจากตุรกีนี่เอง  ตอนหลังรัฐบาลตุรกี เห็นความสำคัญ จึงจัดให้มีเทศกาลทิวลิปโดย
ให้จัดเป็นสวนหย่อมทั่วเมือง  ซึ่งเราจะพบได้ทั่วไปหลายสี หลายพันธ์ บานเต็มเมืองเลยค่ะ 



เดินๆ ไป มีแมวตุรกี  2-3  ตัว วิ่งเข้ามาหา  มันคงหนาวนะ  ขนฟูเชียว  เราได้แต่ลูบหัว
รู้สึกเลยมันคงหนาวเพราะตัวมันเย็นมาก   มันคงหาใครสักคนที่จะให้ความอบอุ่นมันได้นะ




ผ่านด่านเจ้าเหมียวมาได้ เจอร้านขายของฝากแถวฮิปโปโดรม 
เราเลยว่าแวะเลยดีกว่า  สำรวจราคาแล้วไม่แพงมาก  ซื้อไปเลยถ้าจะดี
จะได้ไม่ต้องเดินหาอีก  เพราะเข็ดแล้ว  เวลาเห็นแล้วไม่ซื้อ  พอเลยไปที่อื่นหาซื่อไม่ได้ซะงั้น









ทิวลิปสีเหลือง สวยถูกใจจัง 



เอาของที่ซื้อมาจัดเรียงดูซะหน่อย  ส่วนหนึงไปฝากเพื่อนๆ  
ส่วนนึงไปฝากแฟนคลับเพจดอกไม้ทะเลทราย    ราคาถูกแพงลดหลั่นกันไป




นี่คือกลุ่มของที่ระลึก   อีวิล อายส์
หรือคนตุรกีเชื่อกันว่า นี่คือดวงตาปีศาจ  หรือเครื่องรางนำโชค คอยสะท้อนสิ่งชั่วร้ายให้ออกไป
จากชีวิต และได้รับสิ่งดีๆ กลับมาแทน  เราก็ซื้อไปส่วนนึง


ถึงห้องพักเก็บของฝากจัดใส่กระเป๋ายังมีเวลาเหลือก่อนจะไปสนามบิน  ฝนหยุดแล้วด้วย
เลยออกมาจะไปละหมาดที่มัสยิดสีน้ำเงิน หรือมัสยิดสุลต่านอาเหม็ดที่ 1  เหตุที่เรียกว่าว่า 
บลู มัสยิด หรือมัสยิดสีฟ้า ก็มาจากการประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องและกระจกสีฟ้านั่นเอง




สำหรับการเข้าชมในมัสยิดสีน้ำเงิน นั้นเข้าชมฟรีค่ะ  แต่ต้องถอดรองเท้าและคลุมผมแต่งตัวให้เรียบร้อย 
สำหรับชาวมุสลิมสามารถเข้าไปละหมาดข้างในได้ด้วย   และในช่วงละหมาดเขาจะปิดไม่ให้เข้าชม
นอกจากคนทีจะเข้าไปละหมาดเท่านั้น

ประตูฝั่งที่เข้าเยี่ยมชม เขาจะมีถุงพาสติกให้ใส่รองเท้าหิ้วเข้าไปเลย  ผู้หญิงที่นุ่งสั้นก็จะมีผ้าถุง ผ้าคลุมหัวไว้บริการเช่นกัน  เดินเข้าประตูนี้ออกอีกประตูนึง






ที่ละหมาดสำหรับสุภาพสตรี





ชื่นชมภายในเสร็จก็ออกมา ตรงประตูออกจะมีตู้รับบริจาคอยู่เพื่อเป็นการบำรุงมัสยิด
แต่เขาไม่ได้บังคับนะ  





แต่เราก็บริจาคไปจำนวนหนึ่ง เพราะคิดว่า  มาหลายครั้งแล้ว บริจาคเผื่อครั้งหน้าด้วย อิอิอิ


ออกมาจากมัสยิดแดดเปรั้ยงเลย  เราเลยไปซื้อของฝากประเภท ชา  ขนมดีกว่า  เดินไปใกล้ๆ 


เจอละร้านนึง มีของเยอะพอสมควร  ชารสต่างๆ  



เครื่องเทศและถั่วหลากหลายชนิด


รวมทั้งขนมเตอร์กิช ดีไลท์ มีทั้งแบบตักใส่กล่องเดี๋ยวนั้น และทั้งแบบแพคสำเร็จแล้ว
มีหลายราคาให้เลือก  



ไอ้ที่ทำแล้วตัดกันสดๆ  อร่อย หนุบๆ ดีจัง แอบชิมไปตั้งหลายชิ้นๆ อิอิอิ
มีบัคลาวาด้วย   กิโลละเป็นพันเลย  เราเลือกซื้อมาอย่างละนิดละหน่อยทั้งชาและขนม


พอจะกลับ เจ้าของร้านเดินมาถามว่า มาจากไหน  เราบอกว่า เมืองไทย 
เขาบอกมากับใคร  เราบอกว่ามาคนเดียว  พอบอกมาคนเดียว  เจ้าของร้านชื่ออาลี  
บังคับให้เรานั่งเล่นก่อน โดยให้นั่งชิมชา  ชิมถั่วอีกรอบ เราบอกชิมไปแล้ว เยอะแล้ว
ก็ไม่ฟัง  ทำท่าจะโกรธ ถ้าเราไม่นั่ง  เอาเก้าอี้เอาโต๊ะมาให้เรานั่ง   เราเลยนั่งคุยเล่นสักพัก
แล้วบอกว่า  เราต้องกลับแล้วเย็นนี้  ตอนนี้ต้องรีบกลับโรงแรมเพื่อเอาประเป๋าและไปสนามบิน
เราไม่อยากตกเครื่อง  เขาบอกจะมาอีกไหม  เราบอกมาอีกสิ แน่นอน  เขาเลยให้นามบัตรมา 1 ใบ
สาวๆท่านใดไปเที่ยวตุรกีคนเดียวก็ระวังไว้นิดค่ะ  เพราะจะถูกแต๊ะอั๋ง ถูกจีบถูกแซวได้ง่ายๆ
เพราะหนุ่มตุรกีดูแล้วจะชื่นชอบสาวเอเชียเป็นพิเศษ................................. 


หิ้วถุงขนมเดินไปมา ผ่านมาแวะร่ำลา สุเหร่าเซนต์โซเฟียและมัสยิดสีน้ำเงินอีกรอบ











มีพ่อค้า น้ำตาลกวนด้วย  โดยการนำมาปั้นเป็นรูปต่างๆ  เข้าท่าดี 
แต่ราคาเท่าไร เราลืมแล้ว  ไม่ได้ลองชิมด้วย 






กลับไปถึงโรงแรม ตอนแรกจะรอบริการรถรับส่ง สนามบินของโรงแรม แต่ดูรอบรถแล้ว ตกเครื่องแหงๆ  
เลยต้องลากกระเป๋ากลับไปขึ้นแทรม ไปลงสถานี Aksaray  เพื่อต่อรถไฟใต้ดินไปยัง
สนามบิน Ataturk Airport  อตาเติกร์  แค่สองทอด ยังใช้เวลาเกือบ 2 ชม ในการเดินทาง
โดยรถไฟไปสนามบิน พอออกจากรถไฟได้ ก้อเดินกึ่งวิ่งเพราะใกล้เวลาออกเครื่อง ดีนะให้เพื่อนจอย
ทางเมืองไทย เช็คอินออนไลน์กันเหนียวไว้ให้ก่อน  เพราะเราไปถึงเคาน์เตอร์เช็คอินไม่มีใครแล้ว 
มีแต่เจ้าหน้าที่ยื่นกัน 2-3 คน  รีบไปเช็คอิน ดีไม่มีกระเป๋าโหลด  เฮ้อออ  ฉิวเฉียด  
เตือนกันไว้เลยนะคะ  ที่อิสตันบูลควรไปก่อนเครื่องออก  3-4 ชมเลยค่ะ  เพราะต้องเผื่อเวลารถติด
ผ่านด่าน ตม    คือ ตม ขาออกและขาเข้าของตุรกี  คนเยอะจริงๆ ค่ะ  เยอะมาก  เผือเวลาไปเลยนะคะ

กึ่งเดินกึ่งวิ่ง  ชนิดที่เรียกว่า หอบรับทานอ่ะค่ะ  พอมาถึงประตูเกท  ดีนะ ยังไม่เปิด  อิอิอิอิ
รอดไป  จนในที่สุดก็บินมาถึงไคโรค่ำๆ อีกทีนึง  ก่อนที่จะต่อเครื่องในตอน 5 ทุ่ม กลับไทย  



พอมาถึงเมืองไทยประมาณ เที่ยงๆ บ่ายๆ  แม่บ้านตุรกีมารอรับ 5555555
ก็ทักทายกัน  ชำแหละของฝากตุรกี  เราเลยควักธงสุดที่รักมาอวดสาวๆ กัน
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ  ซื้อมาเลยนะจากอันทาเกีย ชอบมากผืนนี้  

เม้าท์แตกกับเพื่อนๆทั้งหลาย  จน 4-5 โมงเย็น  นึกได้ ตายละว่า เดี๋ยวถึงบ้านดึก
เลยอำลาทุกคนกันก่อนที่จะไปขึ้นรถเวียนฟรีไปลงดอนเมือง แล้วต่อแท้กซี่ไปหมอชิต
แล้วตีตั๋วกลับพิดโลก ตามเต็ป       ...........


ทริปนี้สนุกมากๆ ค่ะ  เหนื่อยมากๆ ด้วย  แต่ก็ได้มีเวลาเที่ยวคนเดียวแบบสบายๆ ไม่มีใครกวนใจ
ตุรกีเป็นประเทศที่ใฝ่ฝัน  ตั้งใจไว้ว่า จะพยายามเก็บให้ครบทุกภาคทุกส่วนของประเทศนี้   
จบกับภาคที่ 3  ค่ะ  แล้วพบกันภาคที่ 4 นะคะ 






โลกนี้ไม่เคยมีเรื่องอะไรบังเอิญ


ดอกไม้ทะเลทราย


ติดตามเรื่องราวและแบ่งปันประสบการณ์ได้ที่เพจดอกไม้ทะเลทราย Desert Flower

https://www.facebook.com/DxkmiThaleThrayDesertFlower